top of page

กิจกรรม ณ เสถียรธรรมสถาน กรุงเทพฯ

Spiritual Trip 

สำหรับทุกเพศ วัย
ทุกวัน จันทร์ - ศุกร์ เวลา 10.00 – 15.00 น. (ไม่ต้องสมัครล่วงหน้า) 

เติมเต็มกายใจ กับ 1 วันในเสถียรธรรมสถาน ด้วยการปฏิบัติภาวนากับวิถีชีวิตอันหลากหลายเพื่อการเดินทางสู่โลกภายในตนเอง เติมเต็มจิตวิญญาณให้สัมผัสถึงชีวิตที่สุขง่ายใช้น้อย เพียงรู้จักการมีสติในลมหายใจและการเคลื่อนไหว  


กำหนดการ  

10.00 น. ต้อนรับสู่เสถียรธรรมสถาน

10.15 น. ภาวนาในสวนธรรมอย่างมีสติ

13.00 น. ภาวนากับคลื่นเสียงคริสตัลโบวล์

14.00 น. กายเคลื่อนไหว...ใจตั้งมั่น

(อาหารกลางวัน มี 'อู่ข้าวอู่น้ำ' ร้านอาหารมังสวิรัติเปิดให้บริการภายในเสถียรธรรมสถาน)


การสมัครและเตรียมตัว

ผู้สนใจลงทะเบียนหน้างาน เวลา 10.00 น.และมีระเบียบปฏิบัติดังนี้

แต่งกายชุดขาว หรือโทนสีอ่อน สุภาพ

สอบถามได้ที่ไลน์ @sdssil8 (ไม่ต้องสมัครล่วงหน้า)

ศิลปะการดำเนินชีวิต
ด้วยอานาปานสติภาวนา (ศีล 8)

สำหรับผู้มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ไม่จำกัดเพศ (กรณีเด็กอายุ  7-14 ปี ต้องมีผู้ปกครองมาร่วมด้วย) 

ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน

เสถียรธรรมสถานได้จัดให้มีการอบรมสำหรับผู้ที่สนใจปฏิบัติธรรม(ศีล 8)  โดยใช้ ‘อานาปานสติภาวนา’ ซึ่งเป็นการปฏิบัติจิตตภาวนาด้วยการใช้ลมหายใจเป็นเครื่องมือ เป็นวิธีการภาวนาที่อบรมจิตให้เกิดความเป็นอิสระในการภาวนา ไม่ยึดติดกับสิ่งใด เพราะลมหายใจมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ  เพียงแต่ให้รู้จักใช้ลมหายใจให้เกิดประโยชน์ยิ่งขึ้น และเป็นประโยชน์สูงสุดคือเป็นเครื่องมือภาวนาให้เกิดความสงบภายในจนสามารถใคร่ครวญธรรม และเข้าถึงสภาวะของธรรมสัจจะได้  นั่นคือเห็นชัดอยู่ในสภาวะของความเป็นอนิจจังของสิ่งทั้งปวง 

สำหรับธรรมบรรยายนั้น จะเน้นไปที่การสอนทั้งปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ โดยการใช้อานาปานสติ ปฏิจจสมุปบาท และอุปกิเลส ๑๖ เป็นหลัก  ผ่านการปฏิบัติในวิถีชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น อานาปานสติภาวนาใช้เมื่อมีการสวดมนต์ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น การเดินจงกรม การนอนภาวนา กิจกรรมศิลปภาวนา การทำงาน เป็นต้น ปฏิจจสมุปบาทจะถูกนำมาใช้ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แจ้งผ่านการใช้สื่อโฆษณาธรรมะ และจดจำเรื่องราวในโฆษณาธรรมะนั้นเป็นเครื่องเตือนสติ เมื่อเกิดสิ่งเร้าจากภายนอกมากระทบ หากสติมีกำลังเพียงพอ และการได้ทดลองเรียนรู้ ให้ความผิดพลาดเป็นครูก็เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ยอมรับเพื่อที่จะได้เริ่มต้นใหม่ ในแต่ละปัจจุบันขณะของการรู้ตื่นและเบิกบาน พร้อมกับการยกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวิถีชีวิตประจำวัน หรือ การยกเหตุการณ์ที่ร่วมสมัย เพื่อให้ผู้ปฏิบัติเกิดภาพจำที่สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องเตือนสติได้

 

ความมุ่งหมายของเสถียรธรรมสถาน

กองทุนเสถียรธรรมสถานและผู้เข้าร่วมปฏิบัติมีจุดมุ่งหมายที่เด่นชัด ร่วมกันว่า

มิใช่เพื่อ...มาร่วมพิธีกรรมที่มีความเชื่องมงาย

มิใช่เพื่อ...เป็นความบันเทิงทางปัญญา หรือปรัชญาเพื่อพูดคุยโต้แย้งถกเถียงกันไม่รู้จักจบสิ้น

มิใช่เพื่อ...เป็นโอกาสพักฟื้น พักผ่อนหย่อนใจอย่างทางโลก หรือเป็นการสนทนากันถึงเรื่องส่วนตัว เรื่องสังคม เรื่องการเมือง ฯลฯ

มิใช่เพื่อ...จัดเป็นสถานที่เพื่อหลบมุม หลีกหนีจากปัญหา และความยุ่งยากในชีวิตประจำวัน

 

ผู้สนใจสามารถสอบถามได้ที่ไลน์ @sdssil8

บวชพุทธสาวิกา ศีล 10

สำหรับสตรีที่ต้องการบวชชี (ปลงผม)

ทุกวันเสาร์ที่ 2 ของเดือน (ระยะเวลาบวชอย่างน้อย 9 วัน)

การบวชเป็นการเปลี่ยน 'รหัสชีวิต'

เสถียรธรรมสถานจัดโครงการบวชพุทธสาวิกา ศีล 10 (ปลงผม) ซึ่งเป็นการบวชสตรีในนาม ‘พุทธสาวิกา’ ที่แปลว่า ผู้หญิงผู้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า มาตั้งแต่ พ.ศ. 2538 ปัจจุบันจัดบวชเป็นประจำทุกเดือนมีระยะเวลาการบวชอย่างน้อย 9 วัน ซึ่งมีการฝึกปฏิบัติทั้งที่เสถียรธรรมสถาน กรุงเทพมหานคร และ เสถียรธรรมสถาน หุบเขาโพธิสัตว์ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี  โดยท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ได้ให้แนวทางไว้ว่า "หากผู้หญิงเปลี่ยนแปลงโลกภายในคือใจให้เกลี้ยงเกลาจากอกุศลได้ ผู้หญิงก็จะสามารถเปลี่ยนโลกได้"  รวมทั้งเมตตาให้แบบฝึกหัดชีวิตในทุกๆ วัน อาทิ "แค่เราดีกับคน 1 คน ช่วยให้เขามีความสุข ช่วยให้เขาพ้นทุกข์ เขาก็จะไปดีและให้คนอื่นได้มากกว่าที่เขาเคยทำ"
เสถียรธรรมสถานจึงเป็นเสมือนเรือนบ่มเพาะต้นกล้าแห่งการตื่นรู้ในหัวใจของผู้หญิงให้ได้รับโอกาสในการฝึกฝนขัดเกลากิเลสของตนเองด้วยการฝึกสติในวิถีชีวิต  'จากความวุ่นไปสู่ความว่าง' การฝึกฝนขัดเกลาภายนอก ด้วยเพราะใช้การทำงานเป็นฐานของการภาวนา และการเฝ้าสังเกตใจ เพื่อละวางความยึดถือในกิเลส และตัณหาภายใน เป็นโจทย์ที่ผู้บวชต้องตรวจทานตนเองคือฝึกทิ้งราคะ โทสะ โมทะ และขัดเกลากิเลสเพื่อให้ผู้หญิงมีหัวใจแม่ หัวใจโพธิสัตว์ เป็นการเปิดโอกาสให้ลงทุนเพื่อการพัฒนาตนเอง พึ่งพาตนเอง ส่งเสริมให้ผู้หญิงได้พัฒนาเมล็ดพันธุ์แห่งโพธิในหัวใจให้เติบโต ผ่านกระบวนการปฏิบัติซ้ำๆ อย่างสม่ำเสมอจนเป็นวินัยภายในใจ เพื่อให้เกิดการใคร่ครวญธรรมอย่างลึกซึ้ง เริ่มต้นวิถีชีวิตจาก 'กิจกรรม' ไปสู่การพัฒนาวิถีชีวิตแห่งสติ จนแตกหน่อ ต่อยอดเป็น 'อริยธรรม'  

อานิสงส์ของการบวชมีมากมาย สามารถจำแนกได้ 3 ประเภท คือ 

  1. อานิสงส์ที่พึงได้แก่ตัวผู้บวชเอง  ความบริสุทธิ์หลุดพ้นปราศจากมลทิน หมดจากความเศร้าหมอง เป็นอิสระจากพันธนาการทั้งปวง

  2. อานิสงส์ที่พึงได้แก่ผู้อื่น อาทิ บิดา มารดา ครูอาจารย์

  3. อานิสงส์ที่พึงได้แก่พระศาสนา  เป็นการสืบทอดงานพระศาสนา


ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ไลน์ @sdsnun
กรุณาสมัครล่วงหน้าเพื่อการสัมภาษณ์ การรายงานตัวก่อนวันบวช และการเตรียมตัว
 

จิตประภัสสร
ตั้งแต่นอนอยู่ในครรภ์

สำหรับพ่อแม่ที่เตรียมตัวหรือกำลังตั้งครรภ์

ทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือน

กิจกรรมสร้างครอบครัวอบอุ่นที่เป็นต้นแบบของการพัฒนาลูกตั้งแต่ในครรภ์ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และสติปัญญา จัดมาตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 สร้าง ‘เด็กจิตประภัสสร’ ที่เริ่มต้นจากเด็กเลี้ยงง่าย เติบโตเป็นเด็กและวัยรุ่นที่มีจิตใจมั่นคงและมีสติปัญญาในการใช้ชีวิตอย่าง ‘สุขง่าย ทุกข์ยาก’ เป็นคนที่มีคุณภาพของโลกยุคใหม่ที่สร้างความสุขใจให้ครอบครัว   

กิจกรรมนี้เป็นการสร้างสังคมเล็ก ๆ ของหลายครอบครัวที่ชวนกันรักลูกเลี้ยงลูกอย่างถูกทางตั้งแต่เริ่มต้น คือตั้งแต่ช่วง ‘ปฏิสนธิจิต’  และ 9 เดือนของการตั้งครรภ์ที่ ‘ครรภ์ของแม่คือโลกของลูก’ เป็นเวลาทองที่พ่อแม่สามารถส่งเสริมพัฒนาการกาย  ใจ และสมองของลูกผ่านการปฏิบัติตนของพ่อแม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่พุทธศาสตร์และวิทยาศาสตร์ยืนยันตรงกันว่าทำได้จริง 

หนึ่งวันของการพบกันในทุกเดือนจะมีกิจกรรมฝึกสติผ่าน ‘ภาวนา 4’ คือการพัฒนาทางกาย ศีล จิต และปัญญา  โดยใช้ ‘ปฏิจจสมุปบาท’ เป็นหลักธรรมในการจัดการอารมณ์ รู้จักวิธีแปรเปลี่ยนจิตที่ขุ่นมัวหนักอึ้งให้เป็น ‘จิตประภัสสร’ คือจิตที่โล่ง โปร่ง เบา มีพลังในการแก้ปัญหาชีวิตและการทำงานที่ผ่านเข้ามาในครอบครัวได้ดียิ่งขึ้น   พ่อแม่ลูกจะใช้ ‘ลมหายใจเดียวกัน’  ผ่านเทคนิคต่าง ๆ เช่น บทเพลงแห่งสติ  สมาธิภาวนากับคลื่นเสียงคริสทัลโบวล์  เดินเล่นอย่างมีสติ  สวดมนต์และอธิษฐานจิต รวมทั้งได้พบกับแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญในการดูแลครรภ์ การส่งเสริมพัฒนาการของลูกในครรภ์และหลังคลอดและการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาเป็นจิตอาสา ที่ให้ความรู้และคำปรึกษาเสมือนวงศาคณาญาติที่อบอุ่น  และได้รู้จักครอบครัวจิตประภัสสรฯ อื่น ๆ ที่ผ่านช่วงตั้งครรภ์เข้าสู่การเลี้ยงลูกใน ‘โรงเรียนพ่อแม่’  

สนใจสมัครและสอบถามได้ที่ไลน์ @sdsfamily 

โรงเรียนพ่อแม่

สำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และลูกอายุแรกเกิด – 9 ปี

ทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือน

สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกด้วยความเข้าใจ  เพราะบ้านคือห้องเรียนห้องแรกของลูก พ่อแม่คือครูคนแรกของลูก พ่อแม่จึงต้องพัฒนาทักษะการเลี้ยงลูกให้สอดคล้องกับพัฒนาการตามวัยและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย  โรงเรียนพ่อแม่คือกิจกรรมที่พ่อแม่จะได้เรียนรู้การนำธรรมะมาออกแบบประสบการณ์ชีวิตให้ลูกได้เรียนรู้อย่างมีศิลปะผ่านงานบ้าน งานสวน งานครัว ตามเทศกาลต่าง ๆ เพื่อสร้างสติ สมาธิ ปัญญา ตามธรรมชาติของเด็ก ๆ ด้วยการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามฤดูกาล ตามเทศกาล เพื่อให้เด็กเกิดการสร้างองค์ความรู้จากภายในตนด้วยความเข้าใจ หรือ Cognitive learning ผ่านการลงมือทำพร้อมกับการฝึกใช้ลมหายใจแห่งสติ ตามดู รู้ ปล่อย ไปกับทุกกิจกรรม

สนใจสมัครและสอบถามได้ที่ไลน์  @sdsfamily

เยาวชนอาสา
ผู้รับใช้นานาชาติ

ISV Club 

International Spiritual Volunteer Club

เยาวชนอาสาผู้รับใช้นานาชาติ

กิจกรรมสำหรับเยาวชนอายุ 10-19 ปี ในรูปแบบชุมชนแห่งการแบ่งปัน บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์อันอุดมพร้อมเข้าใจตนเอง เพื่อเข้าใจผู้อื่น ผ่านการเรียนรู้จากการ ‘สุขง่ายใช้น้อย สุขเมื่อสร้าง และงอกงามจากสุขเมื่อให้’ ร่วมกัน

 

01 ค่ายเยาวชน ‘หัวใจโพธิสัตว์...ผู้รับใช้นานาชาติ’ (ISV Club Training) หลักสูตร 3 วัน 2 คืน

สำหรับเยาวชนอายุ 10-18 ปี มีวัตถุประสงค์เพื่อสอนทักษะต่างๆ ในการพัฒนาตนเองและการทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น  ภายใต้หลักการ ‘ยอมตนให้คนใช้  ฝึกตนเพื่อใช้คน  ไม่รอให้ใครใช้’  โดยมีวิทยากรจิตอาสาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาแบ่งปันประสบการณ์และแง่คิด  เริ่มตั้งแต่การรู้วิถีแห่งจิตใจตนเอง  หัวใจของอาสาสมัคร  ศาสตร์และศิลปะแห่งการรับใช้  เทคนิคการบริหารด้วยใจ  การสร้างภาวะความเป็นผู้นำที่สง่างามและถ่อมตน  วิธีจัดการความขัดแย้งอย่างอ่อนโยน  ศิลปะแห่งการสื่อสาร  การทำงานเป็นทีม และการประยุกต์การพัฒนาจิตใจในขั้นต่อๆ ไป

02 หลักสูตรพัฒนาศักยภาพเพื่อการรับใช้ (พัฒนาพลังแห่ง Soft Skills) หลักสูตรครั้งละ 3 ชม. 

สำหรับเยาวชนอายุ 14-19 ปี  มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพสูงสุดสู่การพึ่งตนเองได้และให้คนอื่นเป็น  อบรมโดยทีมวิทยากรจิตอาสามืออาชีพ  มีกิจกรรมเปลี่ยนไปทุกเดือน จัดประจำในวันครอบครัวแห่งสติ ทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือน 

สนใจสามารถสอบถามและสมัครได้ที่ไลน์  @ISVCLUB

สร้างโลกน่าอยู่
ด้วยคนรุ่นใหญ่

สำหรับอายุ 18 ปีขึ้นไป ผู้ใหญ่ วัยทำงาน ตลอดจนผู้สูงวัย 

ทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือน

กิจกรรมธรรมะประยุกต์เพื่อสร้างทักษะชีวิตของคนวัยทำงาน รวมถึงผู้ใหญ่วัยเกษียณและผู้สูงวัย ท่ามกลางสังคมที่เปลี่ยนไปทำให้ต้องปรับตัวกับสิ่งใหม่และดูแลกายใจให้แข็งแรง  คนวัยทำงานต้องทำหน้าที่คนกลางในครอบครัวเพื่อดูแลทั้งคนที่อายุน้อยกว่าและมากกว่า หรือที่เรียกว่าเป็น ‘generation sandwich’  จึงต้องมีพื้นที่พักใจสำหรับตนเองและสามารถพาคนต่างวัยในครอบครัว มาทำกิจกรรมร่วมกันภายใต้บรรยากาศที่ช่วยให้พูดคุย รับฟัง มีความเข้าใจชีวิตเพิ่มเติม ทั้งทางโลกและทางธรรม ที่นำกลับไปใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความเข้าใจกันมากขึ้น   

ในหนึ่งวันมีกิจกรรมให้เลือกเข้าร่วมตามความสนใจ ได้แก่ การให้คำปรึกษาด้วยศิลปะแห่งสติ สมาธิบำบัด SKT เพื่อสุขภาพ  สมาธิภาวนากับคลื่นเสียงบำบัดคริสทัลโบวล์  เดินเล่นอย่างมีสติ  จังหวะชีวิตเพื่อปลดล็อกความคิดเป็นมิตรกับความเครียด ธรรมชาติบำบัดเพื่อการพึ่งตนเองทางสุขภาพ  ชีวาภิบาลเพื่อการดูแลแบบประคับประคอง (Palliative Care) สำหรับการดูแลผู้ป่วยและผู้สูงวัยในครอบครัว โดยจิตอาสาที่เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ที่มาแบ่งปันเวลาและพลังงานเพื่อสร้างสังคมอบอุ่น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนโสด มีคู่ มีลูกหลาน วัยเกษียณ หรือมีพ่อแม่ที่อยากพาท่านออกนอกบ้าน  

ขอเชิญมาพบเพื่อนที่มีใจเดียวกัน แบ่งปันสุขทุกข์กันได้ ในวันครอบครัวแห่งสติ วันอาทิตย์ที่ 3 ของทุกเดือน 

  1. ‘การให้คำปรึกษาด้วยศิลปะแห่งสติ’  กิจกรรมกลุ่มเพื่อกลับมาเข้าใจตนเองและคนอื่นอย่างเปิดใจกว้างและวางอคติ เวลา 09.00-12.00 น. (สำหรับอายุ 25-50 ปี)

  2. ‘สมาธิบำบัด SKT’  กิจกรรมฝึกสติ สมาธิ และการพึ่งตนเองทางสุขภาพผ่านเทคนิคการหายใจและการเคลื่อนไหว เวลา 09.00-12.00 น.

  3. ‘วิถีชีวิตแห่งสติ’  กิจกรรมฝึกสติและสมาธิในอิริยาบถ 4  คลื่นเสียงบำบัดด้วยคริสทัลโบวล์ และเดินเล่นอย่างมีสติในสวนธรรม เวลา 12.45-13.30 น.

  4. ‘จังหวะชีวิต’  กิจกรรมกลุ่มเพื่อเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดี ด้วยวิธีปลดล็อกความคิด เป็นมิตรกับความเครียด และเข้าใจการป้องกันและรักษาโรคทางจิตเวช เวลา 13.30-15.00 น.

  5. ‘ธรรมชาติบำบัด’  กิจกรรมการดูแลสุขภาพองค์รวมด้วยหลักใจนำกาย ผ่านการใช้สมุนไพร อาหาร การออกกำลังกาย และการใช้ชีวิตอย่างสมดุล เวลา 13.30-15.00 น.

  6. ‘ชีวาภิบาล’  เพื่อการดูแลแบบประคับประคอง (Palliative Care)’ กิจกรรมให้ความรู้ เพิ่มพูนทักษะ และให้คำปรึกษาในการดูแลผู้ป่วยและผู้สูงวัยในครอบครัว รวมทั้งเป็นกลุ่มเยียวยาจิตใจของผู้ดูแล (Care Giver) ให้มีพลัง เวลา 13.30-15.00 น.      

สอบถามและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ทางไลน์  @sdsfamily  

บ้านเรียนแห่งรักและศานติ
(ศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต) 

โรงเรียนอนุบาลวิถีพุทธ
ที่ตั้ง 69 หมู่ 6 ซอยวัชรพล ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ

(ตรงข้ามวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ห่างจากเสถียรธรรมสถาน กรุงเทพมหานคร 2 กม.)

บ้านเรียนแห่งรักและศานติหรือศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต (บ้านเรียนแห่งรักและศานติ) เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานด้วยหัวใจแม่งานแรกที่พระครูภาวนาภิธาน เจ้าอาวาสวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ได้มอบหมายให้ท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ทำตั้งแต่ยังไม่ก่อตั้งเสถียรธรรมสถาน เป็นการทำงานด้วยหัวใจของแม่ที่มีความสุขกับการเห็นเด็กเติบโต งดงาม ไปเป็นทุนของสังคมที่อาสารับใช้ผู้อื่นได้ด้วยหัวใจที่เป็นสุข เป็นศูนย์รวมของการทำงานที่จะหลอมรวม บ้าน วัด โรงเรียน เป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้เด็กมีการเติบโตใน สภาพแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการงอกงาม เป็นเมล็ดพันธุ์อันอุดม เป็นเสมือนห้องทดลองแรกที่ทำให้เห็นการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่ประกอบไปด้วยพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีความสามารถที่หลากหลายมาช่วยกันดูแลให้เด็กทุกคนเติบโตท่ามกลางวงศาคณาญาติ และมีพุทธธรรมนำทางตั้งแต่ปฐมวัย ครูที่ทำหน้าที่ดูแลเด็กๆ ที่นี่จึงถูกเรียกว่า 'พ่อครู' และ 'แม่ครู' เพื่อให้ครูมีสำนึกของความเป็นแม่ มีหัวใจแม่และหัวใจโพธิสัตว์ที่จะทำงานกับเด็กด้วยความสงบเย็น เห็นประโยชน์ในการเติบโตอย่างงดงามของเด็กและทำงานที่ยากให้สำเร็จอย่างมีปัญญา  

บ้านเรียนฯ ก่อตั้ง พ.ศ. 2518  ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2522 ท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ได้เข้ามาพัฒนาและดูแล โดยมีแนวทางจัดการศึกษาที่เน้นให้เด็กมีความสุข เรียนรู้ผ่านการเล่น และพัฒนาตนผ่านการทำงานในชีวิตประจำวัน โรงเรียนเปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 ของเด็ก โดยมีกิจกรรมและการใช้พื้นที่เรียนรู้ร่วมกับ ‘เสถียรธรรมสถาน’ ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติและสังคมที่มีความปลอดภัย   เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้โลกตามความเป็นจริงโดยใช้ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เข้าไปเรียนรู้โลกอย่างมีความสุข ปราศจากความกลัว สร้างการเรียนรู้ที่อยู่ในวิถีของการพัฒนาและเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ สร้างวินัยให้เด็กด้วยการทำให้เด็กมีความเคยชินที่ดีงามจากการเรียนรู้ชีวิต ฝึกช่วยเหลือตัวเองในด้านต่างๆ โดยมีต้นแบบคือผู้ใหญ่ที่อยู่รายล้อมรอบตัวเด็ก มีความสม่ำเสมอในการทำกิจกรรมให้เป็นกิจวัตรและเกิดเป็นวิถีชีวิตที่เป็นอริยธรรมของการใช้ชีวิตอย่างมีสติ มีใจที่ตื่นรู้ เบิกบาน มีการทักทายอย่างอ่อนน้อม มีหัวใจของการเป็นผู้ให้ การเป็นจิตอาสา มีการแบ่งปัน เอื้อเฟื้อเกื้อกูล มีรอยยิ้มที่เบิกบาน มีลมหายใจที่อ่อนโยน เด็กที่นี่จึงอยู่กับโลกอย่างเข้าใจโลกว่าโลกไม่ได้เป็นอย่างใจเรา แต่โลกจะเป็นอย่างที่โลกเป็น เมื่อครูเป็นดั่งรุ่งอรุณของชีวิตลูกศิษย์ หัวใจของครูที่มีหัวใจแม่ หัวใจโพธิสัตว์จึงเติบโตและเบ่งบานด้วยความสุขจากการทำงานจากครูรุ่นแรกสู่รุ่นต่อๆ มา

สอบถามและสมัครได้ที่ โทรศัพท์ 02 519 8161 

ติดตามกิจกรรมได้ที่ https://www.facebook.com/srpschool

bottom of page