การใช้ชีวิตที่เป็นธิดาของพระผู้มีพระภาคเจ้า
การบวชเป็นการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา
ผู้บวชต้องศึกษาจริง ปฏิบัติจริง จึงจะได้ผลจริง
๑. รักษาพระธรรมวินัย เป็นการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา
๒. การบวชเป็นการฝึกตนเองให้อยู่บนหนทางพรหมจรรย์
๓. ฝึกสำรวมจิต สำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย
๔. เป็นการทดลองอยู่อย่างไม่มีทรัพย์สมบัติเป็นของตัวเอง มีชีวิตอยู่อย่างต่ำต้อย และเรียบง่าย ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือน
๕. ฝึกสละทรัพย์สมบัติ ของรัก ของพอใจ อันเป็นทางมาแห่งทุกข์
๖. มีชีวิตที่เนื่องด้วยผู้อื่นเลี้ยงดู จึงเป็นผู้ที่เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย
การบวชนั้นมีอานิสงส์ต่อตัวผู้บวชเอง โดยได้โอกาสศึกษาธรรมะ ได้ปฏิบัติจริง เห็นผลจริง ทั้งยังมีอานิสงส์ต่อบิดา มารดา ญาติพี่น้อง ให้มีโอกาสใกล้ชิดและมีศรัทธาในพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น
การบวชมีอานิสงส์มหาศาล อุปมาดังว่า ให้เอาฟ้าทั้งหมดนี้เป็นเหมือนแผ่นกระดาษ แล้วภูเขาพระสุเมรุเป็นเหมือนปากกาหรือพู่กัน ให้เอาแผ่นดินเป็นเหมือนกับหมึก เอาน้ำในมหาสมุทรเป็นน้ำละลายหมึก แล้วเขียนกันให้เป็นท้องฟ้า มันก็ไม่หมดอานิสงส์ของการบวช หากบวชจริง ได้ศึกษาจริง ได้ปฏิบัติจริง ย่อมมีอานิสงส์มากอย่างนี้แล
ท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ได้กล่าวไว้ว่า "ในการใช้ชีวิตที่เป็นธิดาของพระผู้มีพระภาคเจ้า เช่นที่พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า 'ธิดาของเราเป็นผู้มีปัญญามาก ฉลาดในทาง และมิใช่ทาง' การเดินทางอยู่บนหนทางที่ประกอบด้วย ปัญญา ศีล สมาธิ หรืออริยมรรคมีองค์ ๘ นั้น ทำให้ข้าพเจ้าอาจหาญโดยธรรม และสามารถพิสูจน์ได้ว่า ธรรมศักดิ์สิทธิ์จริงและเห็นผลจริงเมื่อเราใช้จริง ด้วยลมหายใจเข้าที่สงบเย็นและมีลมหายใจออกที่เป็นประโยชน์ รู้จักใช้ปัญญาในการดำเนินชีวิต เพื่อเปลี่ยนจาก "การเป็นทุกข์" สู่ "การเห็นทุกข์" ดำเนินชีวิตอย่าง รู้ ตื่น และเบิกบาน ดังอริยสัจจากพระโอษฐ์ที่ว่า 'การเป็นพระอริยเจ้าไม่ใช่สิ่งสุดวิสัย' อันเป็นพุทธประสงค์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยศักยภาพของมนุษย์ที่จะต้องไปให้ถึง ก็คือการใช้โอกาสในการเกิดนี้เป็นการเกิดที่ไม่เกิดอีกแห่งทุกข์"
---------------------------------------
เด็กคือเมล็ดพันธุ์ที่รอการบ่มเพาะ
พุทธสาวิกาน้อยคือการลงทุนที่ไม่มีการขาดทุน
วันที่ 8 ธันวาคม 2552 ขณะที่ ท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต อยู่ระหว่างการสวดพระไตรปิฎกนานาชาติ ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย บริเวณที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ ก็ได้มีเสียงการตัดสินใจของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ส่งผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เพื่อขออนุญาตว่าเธอปรารถนาที่จะบวช...
และเป็นการบวชปลงผม!
ด้วยวัยเพียงห้าขวบเท่านั้น!
เหตุผลคือเพื่อจูงศพของคุณทวดขึ้นเมรุ
ในครั้งนั้น ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทว่าเด็กหญิงวัยห้าขวบได้ยืนยันอย่างมั่นคงว่า จะเป็นการบวชแบบปลงผม ซึ่งคำยืนยันนี้ เธอให้เหตุผลว่าสิ่งที่รักตายจาก แต่ความสุขที่ได้รักยังอยู่ แล้วเมื่อสืบไปว่าเหตุใดเธอยังคงมีความมั่นคงอยู่ จึงปฏิเสธเหตุปัจจัยตั้งแต่เริ่มต้นของการได้ชีวิตของเธอไม่ได้ คือเธออยู่ในโครงการจิตประภัสสรตั้งแต่นอนอยู่ในครรภ์ ที่แม่ตั้งใจพาเธอมาฟังธรรมตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และธรรมะที่เธอได้ยินอยู่เนืองนิตย์ ก็เป็นวิถีชีวิตของผู้คนที่เสถียรธรรมสถาน คือการรู้ว่าเพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี สิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จะมีได้อย่างไร กระแสธรรมชาตินี้ เราเรียกว่า ‘ปฏิจจสมุปบาท’
เมื่อเธอเกิด ในวันที่มีอายุครบหนึ่งเดือน เธอถูกพามาขริบผมครั้งแรก เหมือนเป็นการยืนยันว่า ความรักที่พ่อแม่มีให้ลูกคนหนึ่ง...เป็นสิ่งที่จะใส่เมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาลงไปในหัวใจของเด็กได้ ถ้าพ่อแม่ทุ่มเทให้กับลูกในวัยที่แม้เราจะมีเงินอย่างไรก็ไม่สามารถซื้อเวลาในช่วงนี้กลับมาได้
การทุ่มเทที่ดีคือการมีพ่อแม่ที่เป็นพระอรหันต์ในบ้าน การบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาในหัวใจเด็กนั้น...ยิ่งเด็กมากเท่าไร...ก็ง่ายมากเท่านั้น!
แล้ว ‘เด็กหญิงพอฟ้า พรรณเชษฐ์’ ก็กลายเป็น ‘พุทธสาวิกาน้อยพอฟ้า’
คงไม่มีใครนึกถึงว่า จากการกระทำของเด็กหนึ่งคน แล้วมีผู้คนมาเห็นเธอในวันที่เธอรับบาตรวันปีใหม่ แล้วไปโพสต์ลงในยูทูปนั้นทำให้มีคนกล่าวคำว่า “สาธุ” ดังขึ้นมากกว่า 300,000 เสียงในเวลา 24 ชั่วโมง
พุทธสาวิกาน้อยพอฟ้าบวชระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม 2552 – วันที่ 1 มกราคม 2553 ภาพที่เผยแพร่ออกไปในครั้งนั้นได้ต่อยอด...กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กผู้หญิงอีกกลุ่มหนึ่งมีศรัทธาที่จะเข้ามาบวชในสามเดือนต่อมา โครงการบวชพุทธสาวิกาภาคฤดูร้อน ซึ่งเป็นโครงการที่ต้องการนำธรรมะกลับมาสู่ใจคนก็เกิดขึ้น ด้วยท่านแม่ชีศันสนีย์ตระหนักว่า
“เด็กคือเมล็ดพันธุ์ที่รอการบ่มเพาะ พุทธสาวิกาน้อยคือการลงทุนที่ไม่มีการขาดทุน”
และในวันจักรี 6 เมษายน 2553 การเข้ามาเรียนรู้ของเด็กหญิงกลุ่มหนึ่งก็เริ่มขึ้นที่เสถียรธรรมสถาน
จากเด็กหญิงหนึ่งคนที่เผชิญกับความสูญเสีย เธอได้เรียนรู้กับสัจจะของชีวิตว่า แม้จะเกิดความจากพราก แต่ความสุขที่ได้รักยังมี กลายเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่!
...
วันหนึ่งในปี 2555 ท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ได้รับโทรศัพท์ทางไกลจาก ท่านเจ้าคุณพระเทพโพธิวิเทศ สมณศักดิ์เดิมในขณะนั้นคือ พระราชรัตนรังษี (ว.ป. วีรยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ท่านอาจารย์มีความประสงค์ที่จะสนับสนุนการทำงานของสาวิกาสิกขาลัยให้เป็นอริยสาวิกา และเชิญชวนให้สตรีที่มีความตั้งใจที่จะบวชพุทธสาวิกาในภาคฤดูร้อนปีนั้นไปบวชที่พุทธคยา โดยท่านอาจารย์จะเมตตาเป็นประธานในการบวชให้ เมื่อได้รับฟังคำของครูบาอาจารย์ที่ประสงค์จะสนับสนุนหนทางที่จะทำให้เกิดความเป็นอริยะ ท่านแม่ชีศันสนีย์จึงนับเป็นบุญนักที่ได้อยู่ในบวรพุทธศาสนาที่มีหมู่สงฆ์เป็นเหมือนกัลยาณมิตร เป็นคล้ายพี่ที่คอยชี้ช่องทางที่ถูกต้อง
วันนั้น...คือที่มาของโอกาสของผู้หญิง!
และจากการบอกเล่าปากต่อปาก บรรดาเด็กและสตรีที่มีความประสงค์จะบวชพุทธสาวิกาก็แจ้งความจำนงเข้ามา
จากหนึ่ง...เป็นสอง...เป็นสาม...เป็นสี่...เป็นสิบ...เป็นสิบๆ...จนเกินเรือนร้อย
แล้วการบวชพุทธสาวิกาสองแผ่นดินก็เกิดขึ้น ณ แดนพุทธภูมิ
พุทธสาวิกาอารยา ศรีจำเริญ อายุ 11 ปี บวชเมื่อ ปี 2555
“บวชแล้วมีสติมากขึ้น อยากเป็นธรรมทูต เพราะเมื่อบวชแล้วได้เรียนรู้พระพุทธศาสนา เห็นว่าน่าจะเชื่อมโยงทุกประเทศบนโลกนี้ให้อยู่ร่วมกันได้แม้จะไม่ใช่ศาสนาเดียวกัน เพราะศาสนาสอนเรื่องการพ้นทุกข์และมีสันติ”
Asmita Luwagun ชาวเนปาล อายุ 17 ปี บวชเมื่อปี 2555
“ตั้งใจจะบวชให้พ่อกับแม่ แต่ไม่คิดว่าจะบวชได้นานขนาดนี้ บางครั้งก็คิดถึงบ้านอยากกลับบ้าน แต่ที่ยังบวชอยู่เพราะเชื่อว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าจะช่วยให้พ้นทุกข์ได้ รวมทั้งช่วยให้รู้จักพระศาสนาตามความจริง ไม่ใช่ตามความเชื่อตามคำพูดที่พูดต่อๆ กันมา ธรรมะทำให้เราเติบโตขึ้น อยากศึกษาธรรมะให้ถ่องแท้ เพื่อกลับไปช่วยเหลือผู้หญิงที่เนปาล เพราะผู้หญิงที่เนปาลลำบาก ไม่รู้จักคำสอนที่ถ่องแท้ของพระพุทธเจ้า”
สนใจบวชพุทธสาวิกา ศีล10 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line ID: @sdsnun
โทรศัพท์ 02-5106697