EN / TH
“ธรรมาศรม”

ธรรมาศรม คือ ชุมชนแห่งสติ (Learning Community of Mindfulness Healing) ที่รวบรวมนวัตกรรมแห่งการฉุดช่วยเพื่อให้กายรอด ใจรอด สังคมรอด จากความทุกข์ของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย และจากพราก ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 2.5 ไร่ ของชุมชนเสถียรธรรมสถาน 


รับชมวิดิโอ "ธรรมาศรม" คลิก https://youtu.be/nEAQ6xVVXc8  

                                 

มีแนวคิดในการออกแบบชุมชนที่เรียกว่า ‘ธรรมนิเวศ’ คือเน้นสร้างสิ่งแวดล้อมที่มีความสัปปายะในทุกด้าน มีความสงบและเกื้อกูลต่อการปฏิบัติธรรม ร่วมกับองค์ความรู้ทางธรรมชาติบำบัด สร้างวิถีชีวิตใหม่อย่างเข้าใจธรรมะ ธรรมชาติ และการพึ่งพาตนเอง  ตั้งแต่การกินอาหารที่ปลอดภัย ปราศจากการเบียดเบียน การอยู่ท่ามกลางต้นไม้และสรรพชีวิตใหญ่น้อยที่เกื้อกูลต่อการเห็นธรรมะจากธรรมชาติ  การนอนในอาคารสถานที่ที่เกื้อกูลสอดคล้องกับสภาพร่างกายของผู้ปฏิบัติธรรมทุกวัย ตั้งแต่แม่ตั้งครรภ์ แม่ลูกอ่อน ผู้ป่วย คนชรา และผู้ต้องการธรรมเยียวยาในระยะสุดท้ายของชีวิต  โดยอาคารธรรมศรม (ที่พัก) ออกแบบให้สามารถรองรับผู้ปฏิบัติธรรมทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาวได้ถึง 80 กว่าห้อง ที่มาอุทิศชีวิตร่วมกันในการสร้างชุมชนธรรมวิจัย ผ่าน ‘การเปลี่ยนร้ายกลายดี’ ของตนเอง

ธรรมาศรม ประกอบด้วยห้องรับรอง 80 กว่าห้อง สวนธรรม ห้องประชุม พื้นที่กิจกรรมเรียนรู้กายและใจ อู่ข้าวอู่น้ำ วิถีแห่งสติ

 

อาคารธรรมาศรม = ธรรมนิเวศ + ธรรมชาติบำบัด

อาคารธรรมาศรมใช้องค์ความรู้ทาง ‘ธรรมนิเวศ’ คือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่สัปปายะในทุกด้านที่เกื้อกูลต่อวิถีชีวิตของผู้ปฏิบัติธรรม ร่วมกับองค์ความรู้ทาง ‘ธรรมชาติบำบัด’ สร้างวิถีชีวิตใหม่อย่างเข้าใจธรรมะ ธรรมชาติ และการพึ่งพาตนเอง ตั้งแต่การกินอาหารที่ปลอดภัยปราศจากการเบียดเบียน การอยู่ท่ามกลางต้นไม้และสรรพชีวิตใหญ่น้อยที่เกื้อกูลต่อการเห็นธรรมจากธรรมชาติ การหลับนอนในอาคารสถานที่ที่เกื้อกูลสอดคล้องกับสภาพร่างกายของผู้ปฏิบัติธรรมทุกวัย ตั้งแต่แม่ที่ตั้งครรภ์ แม่ลูกอ่อน ผู้ป่วย คนชรา และผู้ต้องการธรรมเยียวยาในระยะสุดท้ายของชีวิต โดยอาคารถูกออกแบบให้สามารถรองรับผู้ปฏิบัติธรรมแบบระยะยาวได้ถึง 80 กว่าห้อง ที่มาอุทิศชีวิตร่วมกันในการสร้างชุมชนธรรมวิจัย ผ่าน ‘การเปลี่ยนร้ายกลายดี’ ของตนเอง

 

สนใจใช้พื้นที่ธรรมาศรม ติดต่อ คุณวัชรี สุขศรี 02 519 1119 , 09 9391 4292

         

  

 

 

 

 

 

 

 

สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเป็นความปรารถนาของทุกคน ยิ่งในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 รุนแรงขึ้น การดูแลสุขภาพด้วยอาหารมังสวิรัติเพื่อสุขภาพแสนอร่อย จาก "อู่ข้าว อู่น้ำ" โดย “เสถียรธรรมสถาน” จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำได้ง่ายๆ ด้วยเมนูหลากหลายให้เลือกเติมพลังชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวเห็ดตุ๋น ข้าวขาเห็ดกะเพราหอม ข้าวผัดแหนมเห็ด ข้าวผัดผักรวม ผัดสามเหม็น ลาบเห็ด แกงส้มชะอมไข่ ฯ

 

เคล็ดลับของการ ‘อยู่อย่างไร…ไม่ตายทั้งเป็น’ นั้น เป็นธรรมหลักในการสอนของเสถียรธรรมสถานมาตลอดสามทศวรรษว่า “ปฏิจจสมุปบาทจะทำให้เราพ้นทุกข์ได้เพราะจิตเห็นการเกิดดับฉับพลัน ไม่เผลอเพลิน เอ๋ออวย จ่อมจม งมงาย แต่ด้วยการเจริญสติในทุกการกระทำ เมื่อมีการกระทบ เห็นการกระเทือน แต่ไม่กระแทกให้ใครเจ็บปวดเพราะจิตปรุงแต่งอย่างมีอวิชชาของเรา และ ‘อริยะสร้างได้ ไม่ใช่สิ่งสุดวิสัย’ การเป็นชาวพุทธต้องมีเป้าหมาย พัฒนาชีวิตตนเองในชาตินี้ให้พ้นจากปุถุชน ก้าวขึ้นมาเดินบนหนทางอริยะ หรืออริยมรรค หนทางของปัญญา ศีล สมาธิให้ได้ นั่นจึงจะเป็นชีวิตที่ไม่ตายทั้งเป็น หรือหายใจทิ้งไปวันๆ เป็นมนุษย์ที่แท้ ไม่เป็นแค่เหยื่อของอารมณ์”     

การเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างศานติทำให้ในสามทศวรรษที่ผ่านมา เสถียรธรรมสถานกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ทางจิตวิญญาณแห่งหนึ่งของโลก เป็นแลนด์มาร์กทางจิตวิญญาณของผู้แสวงหาจากทั่วโลก และการสอนอย่างไม่งมงาย เจาะลึกเข้าไปถึงธรรมที่เป็นหัวใจของการพ้นทุกข์ จึงทำให้เพื่อนมนุษย์ต่างชาติต่างศาสนาเข้ามาทำงานร่วมกันเพื่อให้ความทุกข์ที่เป็นสากลถูกแปรเปลี่ยนเป็นความสุขที่เป็นสากล ด้วยธรรมะที่เป็นสากลกับคนทุกศาสนา  

สุข-ทุกข์เป็นสากล...ทุกคนเสมอกันด้วย ‘จิตที่คิดจะให้’

ในหอประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเป็นครั้งสุดท้ายว่า “ความตายเป็นที่สุดรอบของชีวิต เธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด” ซึ่งท่านแม่ชีศันสนีย์ใช้ภาษาในปัจจุบันว่า “การเกิดและตายเป็นแพ็กเกจเดียวกัน” ไม่มีใครเกิดแล้วไม่ตาย ความเจ็บป่วยและความตายไม่ได้มาถึงเมื่อเราแก่ชราเท่านั้น แต่มาเยือนได้ตั้งแต่มนุษย์ยังอยู่ในครรภ์มารดา ไม่ว่าจะเป็นชาวพุทธ คริสต์ อิสลาม หรือแม้แต่ผู้ที่ไม่นับถือศาสนาใด ความตายก็ยังคงเป็นที่สุดรอบของชีวิตเหมือนกัน ความต่างอยู่ที่ใครจะสามารถมีชีวิตที่ ‘อยู่ได้...อย่างไม่ตายทั้งเป็น’